The Leader as Coach
ผู้นำในฐานะโค้ช
จะยกระดับการสื่อสาร การสอนงานของคุณ พร้อมเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถดึงศักยภาพทีมงานหรือลูกค้าของคุณ ด้วยการใช้ทักษะการโค้ชวิถีพุทธ
เพื่อดึงศักยภาพสูงสุด โดยคุณสามารถ ช่วยเหลือ สอนงาน หรือโน้มน้าวทีมงาน ลูกค้า ได้อย่างง่ายแบบไร้เเรงเสียดทาน ด้วยหลัก พรหมวิหาร 4
หลักการและเหตุผล
ในฐานะหัวหน้า ผู้จัดการ และผู้บริหาร นอกเหนือจากการดูแลและรับผิดชอบในผลงานของตนเองแล้ว ยังต้องแสดงภาวะผู้นำในการดูแลและพัฒนาทีมงานให้พัฒนาตนเองและสร้างผลงานให้กับองค์กรได้ด้วย ด้วยความรับผิดชอบและความห่วงใย จึงมีหลายครั้งที่ทั้งหัวหน้าและผู้จัดการมองเห็นปัญหาของทีมงานได้เร็ว และต้องรีบทำหน้าที่คอยช่วยเหลือและหาทางแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไป ซึ่งในระยะยาวส่งผลให้ทีมงานต้องพึ่งพิงการดูแลจากหัวหน้า หรือถึงขั้นต้องให้หัวหน้าลงมือช่วย จนทำให้หัวหน้าเองเสียเวลาไปกับทีมจนไม่มีเวลาพัฒนางานและศักยภาพของตนเอง
การให้คำแนะนำทีมงานโดยการบอกวิธีการของเราออกไปเป็นวิธีการที่เร็ว และคาดหวังผลลัพธ์ได้ค่อนข้างชัดเจน แต่อาจขัดขวางต่อกระบวนการเรียนรู้ของทีมงานได้ เพราะทีมงานไม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเองในการคิดและหาทางสู่เป้าหมายด้วยตนเอง อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการตัดสินใจ ไม่มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบผลลัพธ์ หรือแม้กระทั่งสร้างความขัดแย้งได้ อันเนื่องมาจากประสบการณ์ ความเชื่อ ความคิด ของแต่ละคนล้วนมีความแตกต่างกัน การนำวิธีการที่ดีของเราไปให้คนอื่นๆ ใช้ทุกๆ ครั้ง เขาก็จะไม่สามารถคิดวิธีการของตนเอง หรืออาจจะใช้วิธีการของเราได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเราก็เป็นได้
ผู้นำในฐานะโค้ช จึงเห็นศักยภาพของตัวเองและทีมงาน และมองพฤติกรรมที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงหลุมพรางที่ทีมงานติดอยู่ ผู้นำในฐานะโค้ชจึงสามารถใช้กระบวนการโค้ชทำหน้าที่ส่องกระจกให้ทีมงานมองเห็นศักยภาพในตนเองที่มากขึ้น เพื่อก้าวข้ามความเชื่อที่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของเขา สามารถคิดหาวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายที่ต้องการด้วยตัวเขาเอง และสร้างการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบการตัดสินใจ
การใช้การโค้ชด้วยการใช้หลักการของสมองและจิตวิทยาเชิงบวกในการบริหารทีมงาน จะช่วยให้ทีมงานใช้ศักยภาพของตนเองได้มากขึ้น มีการเรียนรู้และพัฒนาได้เร็วเพราะสามารถคิดเพื่อสร้างแนวทางใหม่ๆ ได้ด้วยตนเอง และมีทัศนคติเชิงบวกและความสุขต่อการทำงาน เพราะได้ใช้สิ่งที่เป็นคุณค่าของตนเองในการทำงาน ได้พัฒนาต่อยอดศักยภาพของตนเองให้มากขึ้น และยังใช้สิ่งที่ตัวเองมีเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ อีกด้วย
การสร้างวัฒนธรรมโค้ชในองค์กร (Creating Coaching Culture) จึงเป็นการทำให้บุคลากรทุกระดับภายในองค์กร มองเห็นประโยชน์ของการพัฒนาและช่วยเหลือกัน ผ่านการเข้าใจในศักยภาพของแต่ละคน แล้วเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและเกิดการตระหนักรู้ ด้วยตัวเองกับวิธีการที่จะนำไปสู่ เป้าหมายของตัวเองได้ด้วยความเชื่อมั่น ซึ่งกันและกัน
การโค้ช (Coaching) ไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งหมด เพียงแต่หลักการของการโค้ช มีความละเอียดอ่อนที่ไม่ช่วยเหลือ ผู้รับการโค้ชโดยตรง เพราะต้องการให้เขาได้ใช้ศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่การลงมือทำด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่การบังคับ แต่ก็ไม่ใช่การโยนปัญหาให้เขาแก้ไขเอง แต่จะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดการเดินทางคอยเป็นพี่เลี้ยงดูแล ช่วยเหลือแบบการกระตุ้นให้สร้างแนวคิดของตัวเองออกมามากกว่า ทำให้ผู้เรียนได้รับการโค้ชเกิดความมั่นใจในตัวเอง และเต็มใจปฏิบัติตัวเองใหม่ (เปลี่ยนแปลง) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ
การสร้างวัฒนธรรมการโค้ช สามารถเริ่มต้นได้ที่แนวความคิดของผู้บริหารที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้บุคลากรได้คิด และมีส่วนคิดด้วยตัวเอง มากกว่าการต้องสั่งให้ทำตาม หากผู้บริหาร ผู้จัดการ หัวหน้างาน มีความเชื่อว่า ทีมงานสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยการนำความรู้ ความสามรถของตัวเองออกมาได้เองแล้ว วัฒนธรรมการโค้ชก็จะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ
วัตถุประสงค์
กลุ่มเป้าหมาย : ระดับผู้จัดการขึ้นไป
แนวทางในการฝึกอบรม
Training and Group Coaching ใช้กระบวนการผสมผสานระหว่างการ Teaching, Training และ Coaching ในระหว่างการอบรม เพื่อให้ผู้เรียนได้รับทั้งความรู้ ความเข้าใจ ฝึกฝนทักษะ และทัศนคติที่ดี
Brain & Mind Based Training ทำความเข้าใจธรรมชาติการทำงานของสมองและจิตใจ ในการเรียนรู้ สร้างสภาวะที่สนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน ทำให้สมองของผู้เรียนมีความสุข ไม่ทำให้เกิดความกลัวหรือความกังวล เน้นการพัฒนาจากจุดแข็ง และใช้สมองส่วนคิดให้มากขึ้นเพื่อสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ แทนการตกอยู่ใต้อิทธิพลของสมองส่วนอารมณ์ที่เป็นลบ แล้วใช้วงจรพฤติกรรมเดิมในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
Experiential Based Learning คือ เน้นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult learning) โดยการเชื่อมโยงหลักการหรือแนวทางปฏิบัติกับประสบการณ์ตรงของผู้เรียน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการมองเห็น ยอมรับ และตัดสินใจอยากเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยตนเอง พร้อมทั้งสามารถประยุกต์ใช้หลักการที่เรียนกับบทบาทหน้าที่ งานที่รับผิดชอบ ปัญหาหรือเป้าหมายที่ท้าทาย ได้ทันทีในระหว่างเรียน
รายละเอียดเนื้อหาหลักสูตร วันที่ 1
Principle of Coaching : หลักการ ความสำคัญ กรอบความคิด องค์ประกอบ และกระบวนการโค้ช
ช่วงที่ 1 หลักการและความสำคัญของผู้นำในฐานะโค้ช และองค์ประกอบของการโค้ช
Coaching Process เรียนรู้และเข้าใจกระบวนการโค้ชเพื่อการพัฒนาศักยภาพทีมงาน
ช่วงที่ 2 การสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ Rapport & Trust
ช่วงที่ 3 ฝึกการใช้คำถามและเครื่องมือในการโค้ชเพื่อการกระตุ้นศักยภาพในการขับเคลื่อนผลงาน
รายละเอียดเนื้อหาหลักสูตร วันที่ 2 (ต่อ)
ช่วงที่ 4 เรียนรู้กระบวนการ การฟังเชิงลึก Emphatic Listening
ช่วงที่ 5 ฝึกการพาโค้ชชี่กำหนดเป้าหมาย Goal Setting
ช่วงที่ 6 การฝึกโค้ชจริงทั้ง Process ตาม GROW Model
After Action Review (AAR)
Reserve your next workshop or training.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line Official : @intuit-leader
info.intuitleader@gmail.com
(066) 139-2111 (คุณนุ้ย)